วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

ย้อนรอย ประวัติหลอดไฟ ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน


  ปี 2443 มีการคิดค้น หลอดไฟแบบไส้ ครั้งแรกขึ้นในโลก
โดย เซอร์ โจเซฟ สวอน ได้นำแนวคิด จากนักวิทยาศาสตร์ มา
พัฒนาต่อ จนสร้างหลอดไฟได้สำเร็จ แต่ไม่ได้พัฒนา ระบบไฟฟ้าขึ้น
ทำให้คนที่ซื้อหลอดไฟ ของ สวอน ต้อง หาซื้อ เครื่องปั่นไฟ ก่อให้
เกิดความยุ่งยากในการใช้งานมาก ต่อมา ทาง โทมัส เอดิสัน ได้
สามารถสร้างหลอดไฟแบบไส้ขึ้นมาได้บ้าง และนอกจากนั้น 
โทมัส เอดิสัน ยังได้พัฒนาระบบไฟฟ้า ขึ้นมา ควบคู่กับหลอดไฟ
และแจกจ่ายไฟ ไปยังบ้านเรือนต่างๆ ทำให้ หลอดไฟของเขาได้รับ
ความนิยม มากกว่า หลอดของ ทางสวอน จนในที่สุด คนทั่วไป เกิด
ความเข้าใจกันว่า เอดิสัน คือผู้คิดค้น หลอดไฟ เป็นคนแรกของโลก
"หลอดไฟ ของเอดิสัน ทำจากแท่งคาร์บอน มีข้อเสีย คือขาดง่าย"

 
 ปี 2453 ได้มีการ คิดค้นไส้หลอดที่ทำจากทังสเตน ขึ้นในโลก
เนื่องจาก หลอดไฟ ของ เอดิสัน ทำจาก คาร์บอน จึงมีอายุการใช้
สั้น เพียง 13 ช.ม และจากปัญหานี้ ต่อมา วิลเลี่ยม เดวิส ได้คิดค้น
ไส้หลอด ที่ทำมาจาก ทังสเตน ซึ่งสามารถ ทนความร้อนได้สูงถึง
3,419 องศา C´ ในขณะที่ไส้หลอด มีอุณหภูมิสูง 2,456 องศา C´
ทำให้ปัญหาไส้หลอด ขาดง่ายหมดไป แต่ปัญหาที่ตามมาอีกก็คือ
เมื่อไส้ทังสเตนร้อน จะมีอานุภาคบางส่วนหลุดไป เกาะกับผิวหลอด
ไฟ ทำให้หลังจากใช้งานไปได้ระยะหนึ่ง หลอดไฟก็จะมีแสงลดลง
จนในที่สุด แสงไฟก็จะมัวจนใช้งานต่อไม่ได้ จากปัญหาเรื่องแสง
ไฟที่ลดลง ทำให้บรรดานักวิทยาศาสตร์ ต่างก็พยายามค้นคว้าหา
แนวทางการพัฒนาหลอดไฟกันต่อไป

 ปี 2477 ได้มีการ คิดค้น หลอดนีออน เกิดขึ้นในโลก โดย Mr.
จอร์จ คลอสิค หลักการทำงานคือบรรจุไอปรอทเข้าไปในหลอด
และฉาบผิวหลอดแก้วด้านใน ด้วยฟอสฟอรัส หรือสารเรืองแสง
เมื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าเข้าไป ไอปรอทจะถูกกระตุ้นและแผ่พลังงาน
ออกมาในรูปของรังสีที่มีความยาวคลื่น 254 nm ออกมา ซึ่งเป็นความ
ยาวคลื่น ที่สายตามองไม่เห็นและเป็นอันตราย รังสีที่ไอปรอทแผ่
ออกมาจะกระทบกับสารเรื่องแสงที่ผนังหลอด สารเรืองแรงจะดูดซับ
รังสีที่เป็นอันตรายเอาไว้และตัวมันเองจะแผ่พลังงานในรูป ของคลื่น
ที่มีความถี่ ที่สายตาคนมองเห็นได้ออกมาแทน ที่เรียกว่าแสงขาวอุ่น
 เรียกหลอดพวกนี้ว่า หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) แต่เรามัก
 เรียกว่าหลอดนีออนกันจนชิน ซึ่งในการใช้งานจริงๆ ต้องมีอุปกรณ์
 อื่นๆ ช่วยคือ สตาร์ทเตอร์ (starter) และบาลาสท์ (Ballast)

 ปี 2503 ได้มีการ คิดค้น หลอดเมทัลฮาไลด์ ขึ้นมาได้
ช่วงนี้ เทคโนโลยี ได้แบ่งสาย การพัฒนาหลอดไฟ ออกเป็น 2 สาย
1.ใช้หลักการทำให้เกิดความร้อนจนเปล่งแสง
ได้แก่ หลอดไส้ เอดิสัน หลอดไส้ทังสเตน หลอดฮาโลเจน
2.ใช้หลักการปล่อยประจุในก๊าซ
หลอดความดันสูง HID,หลอดเมทัลฮาไลด์,หลอดโซเดียมความดันสูง
หลอดความดันต่ำ หลอดฟลูออเรสเซนต์ หลอดโซเดียมความดันต่ำ
 
หลอดเมทัลฮาไลด์ เป็นหลอดไฟที่ประสิทธิภาพ การให้แสงสว่างสูง
แต่ก็ใช้พลังงานสูงมากเป็นเงาตามตัว ตั้งแต่ 100 W - 3,500 W อายุ 
การใช้งานปานกลาง คือ 8,000 - 10,000 hrs เหมาะกับงานติดตั้ง
หลอดในที่สูง ตั้งแต่ 6 เมตร ขึ้นไป การจุดติดหลอดไฟ จะต้องรอ
เวลาการ สตาร์ท ประมาณ 3-5 นาที แสงสว่างสูงสุดรอ 15 นาที
ที่ผ่านมา หลอดเมทัล ได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลายในโรงงาน
อุตสาหกรรม แต่ในปัจจุบัน เกิดวิกฤตพลังงาน ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้หลายๆโรงงาน พยายามจะหาวิธี เปลี่ยนระบบไฟ เมทัลฮาไลด์
ซึ่งกินไฟ มากเป็นระบบไฟ แบบอื่นๆ

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น